วันที่ 25 ธันวาคม 2567 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กองนโยบายอุตสาหกรรมรายสาขา 1 และ รายสาขา 2 ให้การต้อนรับนายบัณฑิต หรรษาไพบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปฏิบัติหน้าที่ บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) และว่าที่ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการโรงกลั่นและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ในโอกาสเข้าพบเพื่อสวัสดีปีใหม่ และรายงานความคืบหน้าของหน่วยผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืน (SAF) ของบริษัท รวมทั้งหารือแนวทางความร่วมมือในการจัดเก็บน้ำมันใช้แล้วจากภาคอุตสาหกรรมในการนำมาผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืนดังกล่าว ฯ ณ ห้องประชุม อก. 1 กระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีสาระสำคัญในการหารือ ดังนี้
 สืบเนื่องจากความต้องการใช้น้ำมัน SAF มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต โดยบริษัท บางจากฯ ได้ลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืนในพื้นที่พระโขนง คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ในเดือนเมษายน 2568 โดยมีกำลังการผลิต 1 ล้านลิตรต่อวัน โดยวัตถุดิบในการผลิตมาจากน้ำมันใช้แล้วจากการปรุงอาหาร ผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัยของบริษัทฯ ในมาตรฐานของน้ำมันอากาศยาน โดยมีคุณสมบัติเหมือนน้ำมันจากปิโตรเลียมตามมาตรฐานสากล โดยไม่ต้องมีการปรับเครื่องยนต์เพิ่มเติม 
 ปัจจุบันบริษัทฯ ร่วมกับพันธมิตร จัดตั้งบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด(BSGF) เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพแบบยั่งยืน (SAF) และดำเนินโครงการรวบรวมน้ำมันใช้แล้วจากชุมชนมาผลิตเป็นน้ำมัน SAF ซึ่งมีเครือข่ายการเก็บรวบรวม น้ำมันใช้แล้วครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน บริษัทยังเปิดรับน้ำมันพืชใช้แล้วจากครัวเรือน ผ่านสถานีบริการของบางจากด้วย
 บริษัทฯ ได้หารือแนวทางความร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมในการรวบรวมน้ำมันใช้แล้วจากภาคอุตสาหกรรมเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของวัตถุดิบ ซึ่งการรวบรวมน้ำมันใช้แล้วขณะนี้บริษัทฯ สามารถดำเนินการได้ประมาณ 3-5 แสนลิตรต่อวัน ต่ำกว่าการบริโภคของครัวเรือนไทยที่ประมาณ 3 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งหากประเทศไทยมีอัตราการเก็บรวมรวมสูงขึ้นจะช่วยในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมได้เพิ่มขึ้นด้วย
     โดย รวอ. ได้กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของบริษัทฯ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเห็นว่าน้ำมัน SAF จะช่วยแก้ปัญหาการใช้น้ำมันทอดซ้ำที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค การลักลอบนำน้ำมันใช้แล้วจากภาคอุตสาหกรรมมาทำเป็นน้ำมันใหม่ ซึ่งยังมีสารตกค้างที่เป็นอันตราย หรือการลักลอบทิ้งน้ำมันใช้แล้วลงแม่น้ำลำคลอง กลายเป็นปัญหากับสิ่งแวดล้อมต่อไป 
     ปัจจุบัน กระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างการจัดทำร่างกฎหมาย เพื่อควบคุมการประกอบการโรงงานให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น ซึ่งยินดีให้ความร่วมมือกับบริษัท โดยให้หารือในรายละเอียดกันเพิ่มเติม โดยออกแบบกลไกการบริหารจัดการ ป้องกันการนำน้ำมันใช้แล้วหลายครั้งไปใช้ซ้ำ และพิจารณาแนวทางการขยายผลไปสู่การจัดการแบตเตอรี่ แผงโซล่าเซลล์ และขยะอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ต่อไป